แม่ทุกข์ใจ คนในคอนโด สูบกัญชา ควันโขมงทั้งชั้น ลูกชายวัย 4 ขวบ แพ้กลิ่น ช็อก-หมดสติ ต้องหามส่งโรงพยาบาลกลางดึก แถมคู่กรณีไม่รับผิดชอบ
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 7 พ.ย.2566 น.ส.อาภาพรรณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี เจ้าของเฟซบุ๊กโพสต์ข้อความว่า “คอนโดข้างห้องมั่วสุมดูดกัญชาจนส่งกลิ่น ทำให้ลูกชาย ต้องเข้าโรงพยาบาล” เปิดใจกับ ‘ข่าวสดออนไลน์’ ว่า ตนอาศัยที่คอนโดชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 18.40 น. มีชาวต่างชาติที่พักอาศัยอยู่ห้องฝั่งตรงข้าม เปิดประตูออกมา ก่อนที่ 2 นาทีต่อมาตนจะออกจากห้อง และได้กลิ่นกัญชาที่โถงทางเดินค่อนข้างแรงมาก
น.ส.อาภาพรรณ กล่าวต่อว่า จึงได้แจ้งทางนิติของคอนโดให้แจ้งลูกค้า เพื่อให้หยุดการดูดกัญชาภายในห้อง เนื่องจากกลิ่นและควันของกัญชาสามารถลอดออกมาได้ โดยตอนแรกตนจะออกไปทำธุระด้านนอก แต่กลับรู้สึกว่ามีอาการปวดหัว เวียนหัว จึงนั่งอยู่ที่บริเวณล็อบบี้ของคอนโด แต่หลังจากนั้นประมาณ 30 นาที ลูกชายของตนบอกว่ามีอาการปวดหัวอยากกลับขึ้นห้อง
น.ส.อาภาพรรณ กล่าวอีกว่า ตนจึงได้รอให้ทางนิติคอนโดเคลียร์กับเจ้าของห้องที่เป็นคู่กรณี จากนั้นทางนิติได้ขออนุญาตเจ้าของห้องเพื่อที่จะเปิดห้องเข้าไปดู และเมื่อเปิดห้องก็ได้กลิ่นกัญชาแรงมาก รวมทั้งยังทำให้เจ้าหน้าที่ รปภ. และเจ้าหน้าที่นิติฯ ที่ขึ้นไปตรวจสอบก็มีอาการปวดหัว เวียนหัวเช่นเดียวกัน
น.ส.อาภาพรรณ กล่าวว่า ต่อมาเวลา 20.30 น. ตนได้กลับขึ้นไปที่ห้องเพื่อพาลูกชายไปนอน กระทั่งเวลา 22.00 น. ลูกชายกลับมีอาการร้องไห้ฟูมฟายโดยที่ไม่มีการพูดคุยโต้ตอบกับตน จึงได้พยายามปลุกลูกชายตลอดเวลาว่า “คุยกับแม่ซิ คุยกับแม่ซิ เกิดอะไรขึ้น” ตนจึงคิดว่าลูกชายปวดหัว จึงนำยาแก้ปวดหัวมาให้ จากนั้นไม่ถึง 2 นาทีลูกชายก็อาเจียน แล้วก็เริ่มไม่รู้สึกตัว ตนจึงนำไปที่อ่างอาบน้ำเพื่อทำการล้างตัว แต่น้องกลับมีอาการมึนเมา
น.ส.อาภาพรรณ กล่าวด้วยว่า ตนจึงได้เปลี่ยนเสื้อผ้าและพาลูกชายออกมา แต่มาถึงหน้าห้องลูกชายก็มีอาการอาเจียนอีก จึงได้กลับเข้าห้องไปอีกรอบเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเนื่องจากเสื้อผ้าเลอะ และได้แจ้งกับทางนิติฯ ว่าลูกชายตนป่วยหนักมาก ต้องการรถฉุกเฉินอย่างเร่งด่วน
น.ส.อาภาพรรณ กล่าวว่า เมื่อไปถึงโรงพยาบาล ได้เล่าเหตุการณ์ให้กับแพทย์ฟัง แพทย์จึงสันนิษฐานว่าสาเหตุมาจากควันของกัญชา จากนั้นตนก็ได้ขอใบรับรองแพทย์ เพื่อนำหลักฐานไปคุยกับคู่กรณี ต่อมาเราได้พยายามไกล่เกลี่ยกับเจ้าของห้องพักว่าลูกชายได้รับผลกระทบจากการที่ผู้เช่าของเจ้าของห้องชาวจีนนั้นดูดกัญชา แต่ทางคู่กรณีกลับปฏิเสธ จึงเดินทางไปแจ้งความพร้อมกับเจ้าหน้าที่นิติของคอนโด ที่สภ.เมืองเชียงใหม่ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะตอนนี้เป็นกัญชาเสรี
น.ส.อาภาพรรณ กล่าวอีกว่า ต่อมาวันที่ 2 พ.ย.66 ตนอยู่ที่ระเบียงห้อง ก็ได้กลิ่นกัญชามาอีก จึงแจ้งกับทางนิติฯ ว่าคู่กรณีดูดกัญชาอีกแล้ว ก่อนที่จะแจ้งไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ขอให้มาช่วยตรวจสอบ โดยมีเจ้าหน้าที่นิติฯ ก็ขึ้นไปตรวจสอบด้วย ในห้องกลิ่นกัญชาแรงมาก แต่เขาอ้างว่าเขาจุดเครื่องหอมกลิ่นมะลิ เจ้าหน้าที่นิติฯ จึงได้เชิญคู่กรณีออกในตอนเช้าของวันที่ 3 พ.ย.66 และเจ้าของห้องที่เป็นชาวจีนก็ไม่ช่วยเหลืออะไรตนเลย ทั้ง ๆ ที่ตนและลูกชายได้รับผลกระทบเช่นนี้
น.ส.อาภาพรรณ กล่าวต่อว่า ตนก็รู้สึกท้อใจมาก เพราะหากจะให้ถึงขั้นฟ้องร้อง ตนก็คงไม่มีเงินไปดำเนินการในส่วนนั้น จึงได้ประสานไปยังสำนักงานยุติธรรม และสาธารณสุข และทางสำนักงานยุติธรรมก็จะเป็นตัวแทนทำหนังสือไปยังสำนักงานต่าง ๆ ให้ และจะมีการประชุมเพื่อหาทางออกอีกครั้งในวันที่ 17 พ.ย.66
“เรื่องนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นกับใครด้วยซ้ำ ถึงแม้คุณจะดูดในห้อง แต่ก็ต้องรู้ปริมาณ และไม่ควรก่อความวุ่นวายให้แก่ลูกบ้านคนอื่น เราไม่อยากให้มีกัญชาที่เป็นเสรี เพราะจะมีผลกระทบกับเด็ก ผู้ใหญ่ หรือคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ” น.ส.อาภาพรรณ กล่าว
น.ส.อาภาพรรณ กล่าวว่า ตนโกรธมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะลูกชายเป็นหนักขนาดนี้ แต่เจ้าของห้องปัดความรับผิดชอบ ไม่มีสำนึก ยิ่งตอนที่เห็นว่าลูกชายไม่ตอบโต้ ตนตกใจ และทำอะไรไม่ถูก จึงอยากฝากไปถึงรัฐบาลให้ทบทวนเรื่องกัญชาเสรี เพราะตอนนี้กลายเป็นสารเสพติด นักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยเพื่อเสพกัญชากันเยอะมาก หนักถึงขั้นที่พยาบาลยังเปิดเผยว่าช่วงนี้เคสผู้ป่วยกัญชาเยอะมากขึ้นจริง ๆ