การลงทุน และ การท่องเที่ยว ถือเป็นหนึ่งพ้อยท์สำคัญ ความหวังเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ที่ถือเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์สำคัญของระบบเศรษฐกิจไทย ที่ก่อนหน้านี้ช่วงเกิดวิกฤตโควิด ไทยเคยมีรายได้จากภาคการท่องเที่ยวสูงถึง 3 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 2 ใน 3
แต่ทว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์กราดยิงที่พารากอนเมื่อ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าไทยจะเข้าสู่วิกฤตด้านเศรษฐกิจ จากความไม่เชื่อมั่นและไม่กล้าเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยของกลุ่มนักท่องเที่ยวอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 จำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้ามาในประเทศไทยอย่างคึกคักอีกครั้ง และโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังรัฐบาลไทยมีนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบ ฟรีวีซ่า เพราะเชื่อมั่นว่ามาตรการดังกล่าวจะเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และช่วยพลิกฟื้นการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ช่วยผลักดันให้ปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยบรรลุเป้าหมายที่ 25-30 ล้านคน และสร้างรายได้จากตลาดต่างประเทศให้กลับมาในอัตรา 80% ของปี 62 ที่ 1.5 ล้านล้านบาท และมุ่งสู่เป้ารายได้รวม 2.38 ล้านล้านบาท
น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวในวันที่ประเทศไทยเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวแบบฟรีวีซ่า โดยกล่าวว่า คาดว่า วันที่ 25 ก.ย. 66 ซึ่งเป็นวันแรกที่รัฐบาลไทยประกาศยกเว้นการตรวจลงตรา เพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติจีนและคาซัคสถาน ไปจนถึงวันที่ 29 ก.พ.67 นั้น จะมีนักท่องเที่ยวจีนและต่างชาติที่เดินทางมาจากจีนเข้าสู่ไทย 1,826 คน และเชื่อมั่นว่ามาตรการนี้ จะกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีนให้เดินทางเข้าไทยเดือนละ 700,000-800,000 คน ถ้าเป็นไปตามนี้ก็มีโอกาสแตะ 5 ล้านคนในปี 66 และผลักดันรายได้ตลาดนักท่องเที่ยวจีนสู่เป้าหมาย 270,000-300,000 ล้านบาท
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เผยทิศทางการดึงนักลงทุนชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทย หลังเดินทางกลับจากการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) เมื่อ 23 กันยายน ที่ผ่านมา ว่าได้พบปะผู้นำหลายประเทศ รวมถึงองค์กรยักษ์ใหญ่ระดับโลก ทั้งเทสล่า ไมโครซอฟต์ กูเกิ้ล ซิตี้แบงก์ เจ.พี.มอร์แกน Global ZAC เอสเต ลอเดอร์ พร้อมกล่าวว่า บริษัทเหล่านี้สนใจมาลงทุน บางแห่งมาลงทุนแล้วในรูปแบบต่าง ๆ ที่ประเทศไทย หน้าที่ของตนคือ การประ กาศให้คนรู้ว่าประเทศไทยเปิดแล้ว พร้อมและยินดีที่จะให้บริษัทเหล่านี้มาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น นอกจากนั้นได้พบกับตลาดหลักทรัพย์ของนิวยอร์ก ที่มองเห็นลู่ทางจะให้บริษัทของไทยไปจดทะเบียนที่ตลาดนิวยอร์ก เพราะไม่เคยมีบริษัทใดไปจดทะเบียนเลย หวังว่าในปีนี้จะได้เข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของนิวยอร์กสัก 1 บริษัท
นายกฯ ยังระบุว่า นักลงทุนไม่ได้มีความกังวลใดๆ แต่จะมีเรื่องกฎหมายบางข้อ ในการอำนวยความสะดวกในการธุรกิจ ในการประชุมทั้งบีโอไอและกระทรวงการต่างประเทศต่างไปช่วยกันขยายความว่าไทยพร้อมสำหรับการลงทุน พร้อมที่จะรับฟังความเห็น อะไรทำได้จะทำก่อน ทั้งนี้มีหลายบริษัทมีความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน เช่น เทสล่า ที่จะมาดูเรื่องของการเปิดโรงงานผลิตรถยนต์อีวี ขณะที่ไมโครซอฟต์ กูเกิ้ล มาดูเรื่องการทำดาต้า เซนเตอร์ ที่จะมีการลงทุนสูงมาก ประมาณ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อรายสำหรับการลงทุนขั้นต้น
และในการประชุมเอเปกที่จะเกิดขึ้น อาจจะเชิญบริษัทขนาดกลางเพื่อเปิดโอกาสได้ไปเสนอตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนข้ามชาติที่ไทยไปลงทุนในต่างประเทศหรือเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เป็นการเปิดช่องทาง สร้างงาน สร้างรายได้ ให้ประชาชน
ทั้งสองสิ่งนี้ ถือเป็นความหวังของการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ในยุคการบริหารประเทศไทยโดยรัฐบาลเพื่อไทย
แต่ทว่ากลับมาเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญ กราดยิงขึ้นใจกลางกรุงเทพ และมีการรายงานข่าวออกไปทั่วโลก แน่นอนว่าผลจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ย่อมสร้างความกังวลและไม่เชื่อมั่นในกลุ่มนักลงทุน และโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ถือเป็นกำลังหลักกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยในตอนนี้และรอบหลายปีที่ผ่านมา
นายกิตติพร ศิวะกิจ นายกสมาคมท่องเที่ยวการตลาดท่องเที่ยวไทย (ATTM) บอกว่าผลกระทบจากการกราดยิงพารากอนและมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเสียชีวิต จากการประเมินเบื้องต้นในกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวกันเอง มีผลกระทบทางจิตวิทยา ในแง่กังวลเรื่องความปลอดภัยในไทย และจะกระทบกับนักท่องเที่ยวจีนมาไทย เดือนตุลาจะหายไปเกือบครึ่งจากที่ตั้งเป้าว่าจะมากับเกิอบ 7 แสนคน ส่วนอีก 2 เดือนหลังของปีนี้ ยอดนักท่องเที่ยวจีนจะหายไป 30% ต่อเดือน และยังรวมถึงนักท่องเที่ยวชาติอื่นที่มีเชื้อสายจีนด้วย ที่คาดว่าจะหายไปราวๆ 1 ล้านคน ในช่วง 3 เดือนนับจากนี้
ล่าสุดนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ทวีตข้อความลงบนโซเชียลมีเดีย X ยืนยันความมุ่งมั่นที่จะดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ โดยระบุว่า ได้หารือกับกรรมกาตรและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและทีมงานของท่าน ถึงแนวทางการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนเพิ่มในตลาดหลักทรัพย์ของเราผ่านการจัด Roadshow วันนี้เราต้องดำเนินการในเชิงรุก เพื่อแสดงให้นักลงทุนต่างชาติเห็นว่าตลาดหลักทรัพย์ของเราก็มีความพร้อมและมีศักยภาพไม่แพ้ตลาดอื่นๆ ในภูมิภาค
ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์สำคัญของผู้นำประเทศ ที่ทั้งต้องกอบกู้ความเชื่อมั่นในกลุ่มนักท่องเที่ยว และพลิกวิกฤตกู้สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้นได้ในเร็ววัน