เมื่อยางติดรถใช้งานมาจนถึงกำหนดที่จะต้องเปลี่ยนก็ไม่ควรเสียดายเงิน เพราะยางคืออุปกรณ์สำคัญสำหรับการยึดเกาะกับถนน ถ้ายางหมดสภาพแล้วยังดันทุรังใช้ อาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นอุบัติเหตุรุนแรงจากการขับรถที่ยางหมดสภาพ เมื่อต้องหายางใหม่ ไม่ว่าจะใช้รถยนต์ประเภทใด ก็จะมียางที่ออกแบบให้รองรับลักษณะการใช้งาน (ที่แตกต่างกัน) ตามต้องการ ยางที่ดีจึงมีราคาไม่ถูก เพราะใช้เทคโนโลยีในส่วนผสมของเนื้อยางรวมถึงการออกแบบดอกยางให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า การออกแบบลวดลายของดอกยาง เพื่อทำให้ยางยึดเกาะกับถนน รีดน้ำ หรือตะกุยออกมาจากดินโคลน นั่นหมายความว่า ไม่มียางรุ่นใดรุ่นหนึ่งที่จะมีสมรรถนะครอบคลุมการใช้งานทั้งหมดได้ ขนาดของยางและลายดอกยางจะเป็นตัวบ่งบอกถึงความต้องการในการเลือกใช้จากเจ้าของรถ
ดอกยางคือส่วนสัมผัสที่ต้องบดลงไปบนถนนตลอดการขับเคลื่อน
…
ร่องยาง คือ ร่องที่ลึกลงไปจากหน้ายาง กั้นอยู่ระหว่างดอกยาง
หลายคนเข้าใจผิดมักเรียกร่องยางว่าดอกยาง เมื่อยางสึกหรอมากจนไม่เหลือร่องยางก็มักจะเรียกว่ายางหมดดอก ทั้งที่ตามหลักการแล้ว ดอกยางคือสิ่งที่าสัมผัสกับผิวถนนและร่องยางก็คือ ร่องที่ขั้นอยู่ระหว่างดอกยางที่ปูนออกมา
ร่องยางที่ตื้นหรือที่มักเรียกกันว่า ยางดอกหมด หรือ ยางหัวโล้น ไม่ได้ทำให้ยางเกาะถนนแห้งได้น้อยลง แต่ยางที่ร่องยางสึกหรออย่างหนักจะไม่สามารถรีดน้ำได้เมื่อขับท่ามกลางฝนตก เกิดอาการลื่นไถลเสียหลัก หรืออาการเหินน้ำ ซึ่งอันตรายมาก เพราะร่องยางมีไว้เพื่อรีดน้ำออกไปให้เร็วที่สุดเพื่อทำให้ดอกยางยึดเกาะกับถนนในขณะที่ผิวถนนเปียกชื้น
หากขับบนถนนแห้ง ยางไม่มีร่อง หรือยางหัวโล้น จะเกาะถนนมากกว่ายางที่มีร่อง เนื่องจากมีพื้นที่สัมผัสมากกว่า แต่บนถนนที่เปียกชื้นจะลื่นจนควบคุมรถไม่ได้ เพราะไม่มีร่องยางคอยรีดน้ำออกจากหน้ายาง การเกาะถนนเกิดขึ้นจากหน้าสัมผัสนั้นหมายถึงดอกยาง ไม่ใช่ร่องยางที่ไม่ได้สัมผัสพื้นถนน ยิ่งยางมีร่องถี่ขึ้น หน้าสัมผัสของยางกับถนนก็จะน้อยลง
ผู้ผลิตยางรถยนต์ได้คิดค้นและพัฒนาออกแบบดอกยางในลักษณะต่างๆ เพื่อทำให้ยางตรงกับวัตถุประสงค์ของการใช้งาน เนื่องจากลักษณะของดอกยางล้วนมีผลต่อ 1. พื้นผิวสัมผัสกับถนน 2. การรีดน้ำ 3. สลัดดินโคลน 4. ตะกุย 5. ยึดเกาะกับถนน และ 6. เสียงรบกวน
เมื่อจะเลือกยางชุดใหม่ ส่วนใหญ่ ยางรถยนต์ที่ใช้วิ่งบนถนนเรียบ ดอกยางควรเป็นแบบละเอียด ร่องยางไม่ห่าง เพื่อไม่ทำให้เสียหน้าสัมผัสมากเกินไป สามารถรีดน้ำ หรือของเหลวออกด้านข้างได้อย่างรวดเร็ว มีพื้นที่สัมผัสกับผิวถนนมาก และมีเสียงรบกวนน้อย สำหรับยางรถออฟโรด ที่เน้นใช้ลุยโคลน หิน ดอกยางจะมีขนาดใหญ่ ร่องห่าง เพื่อเน้นการสลัดคราบดินโคลนหินหรือน้ำ ยาชนิดนี้เรียกว่ายาง M/T หมายถึง Mud Terrain ลักษณะของดอกยางจะเป็นแบบบล็อก จะเป็นทรงเหลี่ยมหรือวงกลม เหมาะสำหรับรถที่ต้องขับรถเข้าไปในเส้นทางที่มีอุปสรรค พื้นถนนขรุขระ มีหิน น้ำ ดินโคลน หากเลือกใช้ยางดอกละเอียด โคลนหรือหินอาจเข้าไปติดในร่องของดอกยาง จนหน้ายางลื่น และถ้านำยางดอกใหญ่มาใช้บนทางเรียบ ร่องที่ห่างจะทำให้มีพื้นผิวสัมผัสน้อย ในช่วงความเร็วสูงจะมีเสียงรบกวนท่ีดังมาก จากการบดหรือฟาดกับถนนจนน่ารำคาญ
…
ยางรถเก๋ง หรือรถกระบะทั่วไป
ควรเลือกใช้ ดอกยางแบบละเอียด เพราะร่องยางไม่ห่างเกินไป หน้ายางพื้นผิวสัมผัสกับพื้นผิวถนนได้ดี สามารถรีดน้ำออกได้อย่างรวดเร็ว และมีเสียงดังรบกวนไม่มาก หากเพิ่มขนาดล้อให้ใหญ่ขึ้น ก็ต้องลดความสูงของแก้มยางเพื่อไม่ให้ยางติดขอบบังโคลน แม้จะเกาะถนนขึ้น แต่อาจพบกับอาการกระด้าง และมีเสียงดังมากกว่าเดิม
ยางรถเก๋ง
Bridgestone TURANZA
Michelin PRIMACY
Yokohama ADVAN DB
Dunlop EC300
Continental comfortcontact
Goodyear assurance triplemax
Toyo PROXES
Hankook evo
ยางรถสปอร์ต
CONTINENTAL MAXCONTACT MC5
BRIDGESTONE POTENZA RE004
DUNLOP DIREZZA DZ102
GOODYEAR EAGLE F1 DIRECTIONAL 5
Michelin Pilot SPORT4S
Michelin Pilot SPORT CUP 2
Michelin Pilot SUPER SPORT
PIRELLI P ZERO
DUNLOP SP SPORT LM704
HANKOOK V12 EVO2
รถขับเคลื่อนสองล้อยกสูง
ควรเลือกใช้ดอกยางแบบผสม ยางประเภทนี้เมื่อนำไปใช้บนถนนเรียบ จะสามารถยึดเกาะได้ดีระดับหนึ่ง แต่อาจมีเสียงดังอยู่บ้าง หากเป็นพื้นผิวถนนแบบลูกรัง มีพวกหิน กรวด หรือเศษทราย จะสามารถใช้งานได้ดี แต่ไม่เหมาะกับพื้นถนนที่เป็นดินโคลน ไม่สามารถตะกุยเอาตัวรอดจากหล่มโคลนได้
YOKOHAMA GEOLANDAR X-CV G057
DAYTON H/T 100
BRIDGESTONE ALENZA 001
DUNLOP SP SPORT MAXX050+ SUV
MICHELIN LTX TRAIL ST
GOODYEAR ASSURANCE MAXGURAD SUV
MAXXIS HP-M3
MICHELIN PRIMACY TOUR A/S
HANKOOK DYNAPRO HP2
GITI COMFORT F50
ยาง H/T
ยางรูปแบบนี้นั้น หมายถึง Hi-way Terrain คือยางที่มีคุณสมบัติเหมาะกับการวิ่งบนถนนทางหลวง หรือถนนทั่วไปได้ดี โดยมีคุณสมบัติคือ ลายดอกยางเล็ก, มีน้ำหนักดี, โครงสร้างยางแข็งแกร่ง, วิ่งบนถนนได้เงียบ, รีดน้ำได้ดี, ยึดเกาะถนนได้ดี และวิ่งได้เงียบ แต่จะยังลุยทางขรุขระได้เพียงระดับนึงเท่านั้น นิยมนำมาใช้กับรถยนต์ SUV รถกระบะ หรือรถยนต์ทั่วไปที่เน้นวิ่งในเมืองเป็นหลัก
YOKOHAMA GEOLANDAR H/T G056
GOODRIDE SU320 H/T
BRIDGESTONE DUELER H/T 689
BRIDGESTONE DUELER H/T 840
BRIDGESTONE DUELER H/T 684 II
MAXXIS HT-770
ยาง M/T
หมายถึง Mud Terrain คือยางที่มีคุณสมบัติเหมาะกับการวิ่งบนทางออฟโรด หรือทางโหดต่างๆ เพราะยาง M/T มีคุณสมบัติ คือ ดอกยางใหญ่ บั้งลึก ตะกุยได้ดี, ลุยออฟโรดได้ดีมาก, ยางมีน้ำหนักเยอะ, ปีนป่ายได้ดี แต่จะสร้างเสียงขณะวิ่งที่ดัง สึกหรอไวปกติ และไม่ค่อยยึดเกาะพื้นผิวเมื่อนำมาวิ่งบนถนนปกติและส่งเสียงดังหึ่งๆ ยิ่งวิ่งเร็วก็ยิ่งดัง แรงสั่นสะเทือนมากขึ้น จากดอกยางที่ใหญ่มาก นิยมใส่ในรถ 4×4 ที่ออกแบบมาเพื่อการลุยเท่านั้น
YOKOHAMA GEOLANDAR X-MT G005
TOYO TIRES OPEN COUNTRY M/T
KUMHO ROAD VENTURE MT51
YOKOHAMA GEOLANDAR M/T G003
MAXXIS MT-764
NITTO Trail Grappler M/T
NANKANG MT-1
BF GOODRICH Mud Terrain T/A KM3
NITTO Mud Grappler
ยาง A/T : ยางรูปแบบนี้นั้น หมายถึง All Terrain หรือยางที่มีคุณสมบัติเหมาะกับการวิ่งในทุกสภาพถนน เรียกง่ายๆ ว่าเป็นยางที่มีคุณสมบัติอยู่กึ่งกลางระหว่าง M/T และ A/T โดยมีจุดเด่นคือ ดอกยางใหญ่ระดับหนึ่ง มีร่องกว้างกว่ายาง H/T เพื่อเสริมคุณสมบัติการตะกุย และสามารถวิ่งได้บนทั้งถนนทั่วไป และทางออฟโรด (ที่ไม่มีความหฤโหดมากนัก) จึงทำให้เป็นยางที่ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ใช้งานรถกระบะมากเลยทีเดียว แต่ยางประเภทนี้นั้น อาจจะส่งเสียงขณะขับขี่ที่มากกว่ายาง H/T และใช้ลุยได้ไม่มากเท่า M/T
BFGoodrich ALL-TERRAIN T/A KO2
MICHELIN LTX FORCE
HANKOOK DYNAPRO AT-M (RF10)
DUNLOP GRANDTREK AT3
TOYO OPEN COUNTRY AT II
YOKOHAMA GEOLANDAR AT-S G012
MAXXIS AT980
BRIDGESTONE DUELER AT 697